Saturday 6 September 2008

เรื่องเล่าจากในวัง

เรื่องเล่าจากในวัง....แล้วคุณจะรัก "ในหลวง"
>>> ==================================
>>>
>>> ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริง
>>> เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก
>>> เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
>>> ได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนใน
>>> ตลาดสด
>>> และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
>>> ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
>>> แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
>>> และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ"
>>> เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
>>> ----------------------------------------------------------
>>> เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์
>>> ของฟ้าหญิงองค์เล็ก
>>> ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
>>> ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
>>> ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก็ งง...งง
>>> ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
>>> แต่ พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
>>> ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
>>> แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ... ขนลุกเลย
>>> (ทรงตัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง)
>>> ------------------------------------------------------------------------------------
>>>
>>>
>>> อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
>>> ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
>>> ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
>>> เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้
>>> จึงมีคำกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
>>> บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."
>>> มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
>>> ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว.
>>> พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
>>> "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
>>> ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
>>> และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
>>> เรื่องนี้ ดร.สุเมธ
>>>
>>> เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
>>> ----------------------------------------------------------
>>> เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
>>> มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
>>> เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาต
>>>
>>> นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
>>> ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
>>> "ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"
>>> ---------------------------------------
>>> เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง
>>> ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน
>>> และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้า
>>> ทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
>>>
>>> ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
>>> ว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
>>> ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช
>>> ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
>>> กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"
>>> ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช
>>> ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
>>> กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"
>>> เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล
>>> อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
>>> "เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
>>>
>>> ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
>>> เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
>>> ---------------------------------------
>>> มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร
>>> ให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
>>> ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ
>>> แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้
>>> ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า
>>> "ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"
>>> ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
>>> "เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
>>> ---------------------------------------
>>> เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า
>>> ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
>>>
>>> มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
>>> แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
>>> "ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
>>> ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"
>>> ---------------------------------------
>>>
>>> วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
>>> ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
>>> พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
>>> ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
>>> แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง
>>> แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง
>>> แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้
>>> อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ
>>> มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
>>> แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่
>>> กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
>>> แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
>>> ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
>>> "เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
>>> ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"
>>> --------------------------------------------------
>>> ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
>>> พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
>>> มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา
>>>
>>> คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
>>> ก็กราบบังคมทูลว่า "เอ้อ -
>>> ทรง...อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"
>>> พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า
>>> "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"
>>> แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า
>>> หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
>>> ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้าพูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
>>> ---------------------------------------
>>> เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
>>> มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จ
>>> พระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า
>>> มีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่านขาดตอน
>>> ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
>>> ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
>>> "เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
>>> และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ
>>> ไฟดับไปชั่วขณะ...
>>> ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
>>> พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
>>> ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
>>> ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
>>> เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก
>>> ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
>>>
>>> ********
>>> ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
>>>
>>> -----------------------------ถ้ารักท่านก็ส่งไปเรื่อยๆนะ

No comments: